ข่าวประชาสัมพันธ์

Two Global Exhibition Leaders Announced the Launch of Three Series of Plastics & Rubber Exhibitions in ASEAN

วันที่: 25 Sep 2023


สองผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลกเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ประกาศความร่วมมือ ผนึกกำลังจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมพลาสติกและยางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปักหมุด จัด 3 ซีรีส์ ของงานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ ตั้งแต่ปี 2567เป็นต้นไป โดยเริ่มจากประเทศไทย งาน พลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ 2024’ กำหนดจัดวันที่ 15ถึง 18พฤษภาคม 2567ณ ไบเทค กรุงเทพฯต่อด้วย “พลาสติกแอนด์รับเบอร์อินโดนีเซียและ พลาสติกแอนด์รับเบอร์เวียดนาม

การจัดงานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกและยาง ให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์โดย เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชียและ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์จะช่วยเสริมความพร้อมแก่นักอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจสีเขียว พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงการผลิตแห่งความยั่งยืน ผ่าน3 งานหลักในภูมิภาค อันได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามความร่วมมือจะมุ่งเป้าไปที่การ ดึงจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย เพื่อส่งมอบโอกาสและประสบการณ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น ให้กับวงการอุตสาหกรรม

คุณเพตรา คัลแมน กรรมการบริหาร เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟเผย “ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดพันธมิตรทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมายาวนานในภูมิภาค การรวมงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกและยาง ให้ครอบคลุมประเทศไทยและอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป พร้อมยกระดับประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า โอกาส และการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออุตสาหกรรมต้องเผชิญกับเป้าหมายความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียนของอุตสาหกรรม”

ด้วยความเชี่ยวชาญเชิงลึกในภูมิภาคและเครือข่ายของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผสานด้วยความเชี่ยวชาญด้านภาคอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกและยางระดับโลก ของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟพร้อมด้วย งาน K Fair ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าสำหรับพลาสติกและยาง อันดับ 1 ของโลก ที่จัดขึ้น โดยเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชียจะช่วยขยายและทำให้งานเป็นที่รู้จักในภูมิภาค พร้อมตอบโจทย์การบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ “งานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ จึงพร้อมเดินหน้า สู่เวทีระดับภูมิภาคที่ดีที่สุด สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกและยางที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในตลาดศักยภาพสูงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คุณเพตรา คัลแมน กล่าวปิดท้าย

คุณสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยวัตถุประสงค์ความร่วมมือเพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่แก่นักอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดย่อม ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในการผลิตพลาสติกและยางอย่างครบครัน ตลอดจนองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อเสริมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในการลดมลพิษจากกระบวนการผลิตตามแนวคิดแห่งความยั่งยืน

อุตสาหกรรมพลาสติกและยางในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามมีบทบาทสำคัญในตลาดโลก ประเทศไทยนับเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกและยางชั้นนำในตลาดสำคัญ ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่อินโดนีเซียและเวียดนามเป็นผู้เล่นที่สำคัญ ในภาคส่วนนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลก// การร่วมมือในครั้งนี้ พร้อมปักหมุดประเทศไทย พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2024: Plastic & Rubber Thailand 2024” วันที่ 15 ถึง 18 พฤษภาคม 2567 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ รวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตพลาสติกและยาง อาทิ การขึ้นรูป วัตถุดิบและเคมีภัณฑ์ การเตรียมผิวชิ้นงาน ระบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังเป็นเวทีจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายทั้งในไทยและต่างประเทศ เกิดเครือข่ายอุตสาหกรรม อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุอาคารและก่อสร้าง เทคโนโลยีพลังงานสะอาด

พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2024จัดร่วมกับงานอินเตอร์แมค งานแสดงเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อการผลิต และงานซับคอน ไทยแลนด์ ซึ่งรวบรวมผู้รับช่วงการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พบกับนักอุตสาหกรรมกว่า 47,000ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรม // เรากำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และการเติบโตร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการพัฒนาอุตสาหกรรมและภูมิภาคให้ก้าวหน้า”คุณสรรชาย กล่าวปิดท้าย

ในช่วงเสวนา“ผลกระทบจาก CBAM กับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมพลาสติกและยางไทย” โดย คุณวีระ ขวัญเลิศจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก และคุณศิริภัทร โกเอี้ยน ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารบุคคลและความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)กล่าวถึงอุตสาหกรรมพลาสติก ปริมาณการผลิตโดยรวมของพลาสติกทุกชนิดในปี2021มีถึง390.7 ล้านตันซึ่งที่ผ่านมาพลาสติกถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลักได้แก่บรรจุภัณฑ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อุปกรณ์สำหรับการก่อสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับความปลอดภัยและเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับผลิตภัณฑ์พลาสติกภายในประเทศมีมูลค่ารวมถึง1.3 ล้านล้านบาทหรือ6.74%ของGDPของประเทศซึ่งนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับอุตสาหกรรมยางถือเป็นอีกหนึ่งวัสดุสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่รายหนึ่งของโลกขณะเดียวกันก็มีการผลิตยางสังเคราะห์เพื่อใช้ภายในประเทศและเพื่อการส่งออกการใช้ยางทั้ง2ประเภทได้ถูกนำไปทำผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายอาทิเช่นยางรถยนต์ถุงมือยางและท่อยางสำหรับผลิตภัณฑ์ยางในประเทศไทยมีมูลค่ารวมถึง4,674กิโลตันจึงเห็นได้ว่าทั้ง2วัสดุยังคงมีปริมาณความต้องการใช้ที่สูงขึ้นและมีแนวโน้มต่อการนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญมาก

การมาถึงของCBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) กับการเตรียมความพร้อมรับมือในอุตสาหกรรมพลาสติกและยาง//การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมุ่งสู่"อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ" และสอดรับตามเป้าหมาย"Net Zero" ของประเทศไทยจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของผู้ประกอบการในการปรับตัวเพื่อนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตและที่สำคัญการสร้างมูลค่าทางผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ www.plasticsrubberthailand.com

Back